ตรวจบ้านหลังน้ำท่วม วิธีทำความสะอาด และเช็กสภาพบ้านก่อนกลับเข้าอยู่

ช่วงน้ำท่วมในภาคใต้ ไม่ได้กระทบแค่การเดินทางหรือทรัพย์สินภายนอก แต่ตัวบ้านเองก็โดนน้ำที่มากับน้ำท่วม โคลน สารเคมี เชื้อโรค และเชื้อราสะสม หากเรากลับเข้าอยู่โดยไม่ตรวจเช็กและฟื้นฟูให้ดีพอ อาจเสี่ยงทั้งเรื่องโครงสร้าง ความปลอดภัย และสุขภาพของคนในครอบครัวโดยตรง โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจและโรคติดเชื้อจากน้ำท่วม
สารบัญบทความ
ในฐานะ บริษัทรับตรวจบ้าน เรายินดีที่จะเป็นส่วนช่วยให้เจ้าของบ้าน ได้เข้าใจและรู้วิธีการที่ถูกต้องในการทำความสะอาด แลเช็กสภาพบ้านก่อนกลับเข้าอยู่อีกครั้ง
ในบทความนี้จะรวบรวมการเตรียมตัว ขั้นตอนการทำความสะอาด วิธีการกำชัดเชื้อรา การบำรุงรักษาบ้านก่อนกลับเข้าอยู่ เพื่อให้ทุกท่านได้กลับเข้าบ้านของทุกท่านได้อย่างปลอดภัย
ก่อนกลับเข้าบ้านหลังน้ำท่วม ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
ตรวจสอบความปลอดภัยเบื้องต้น
หลังน้ำลดแล้ว และไม่มีน้ำขังอยู่ในบ้านแล้ว ไม่ได้หมายความว่าแค่ทำความสะอาดแล้วสามารถกลับเข้าอยู่ได้ทันที แต่จำเป็นต้องเช็กเรื่องเหล่านี้
- เช็กประกาศจากหน่วยงานรัฐ/ท้องถิ่น
เช่น อบต. เทศบาล การไฟฟ้า การประปา หรือหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่าพื้นที่ปลอดภัยแล้วหรือยัง มีคำเตือนเรื่องกระแสไฟฟ้ารั่ว เสาไฟหักล้ม หรือโครงสร้างเสี่ยงถล่มหรือไม่ - สังเกตโครงสร้างภายนอกบ้าน
สังเกตว่าตัวบ้านมีปัญหาที่มองเห็นได้ชัดเจน เหล่านี้หรือไม่- ผนังเอียง แตกร้าวเป็นเส้นใหญ่
- เสาบ้านพื้นทรุดผิดปกติ
- ดินรอบฐานรากโดนน้ำเซาะจนเห็นเหล็กเสริม
หากพบความผิดปกติควร “งดเข้า” และเรียกวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างมาตรวจสอบก่อน
- ปิดระบบไฟฟ้าและแก๊สให้สนิท
แนวทางจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานด้านสาธารณสุขต่างประเทศเน้นชัดว่า ไม่ควรเปิดสวิตช์ไฟ หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขณะยืนอยู่ในพื้นที่เปียกหรือมีน้ำขัง และควรให้ช่างไฟผู้มีใบอนุญาตตรวจสอบระบบไฟก่อนเปิดใช้งานอีกครั้ง - เตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE)
- หน้ากาก (ควรใช้ชนิดที่ช่วยกันฝุ่นละเอียด/เชื้อราได้ดี)
- ถุงมือยาง
- รองเท้าบูทยางกันน้ำ
- แว่นตานิรภัย (หากต้องใช้สารเคมี)

ขั้นตอนการทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วม
หน่วยงานด้านสาธารณสุขของไทย เช่น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำการฟื้นฟูบ้านหลังน้ำลดโดยเน้นการ “รื้อ ล้าง และกำจัดเชื้อรา” อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ที่อยู่อาศัยสะอาดและปลอดภัยตามหลักสุขาภิบาล
ขั้นตอนที่ 1 รื้อ
- เก็บกวาดเศษขยะ โคลน ดิน และสิ่งปฏิกูลออกจากพื้น
- แยกของที่ “ต้องทิ้ง” กับ “อาจฟื้นฟูได้”
- ต้องทิ้ง – ฟูกที่นอน หมอน ของเล่นเด็ก เฟอร์นิเจอร์ที่อมน้ำและมีเชื้อราขึ้นมาก หรือวัสดุที่เป็นผ้า/ฟองน้ำและชุ่มน้ำท่วมทั่ว
- อาจฟื้นฟูได้ – เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง เหล็ก สแตนเลส เครื่องเรือนที่สามารถล้างและตากแดดจนแห้งสนิท
WHO แนะนำให้ทิ้งอาหารและสิ่งของที่สัมผัสน้ำท่วมโดยตรง รวมถึงของที่ไม่สามารถล้างทำความสะอาดด้วยน้ำและน้ำยาฆ่าเชื้อได้ เพราะมีความเสี่ยงต่อเชื้อโรคสูง

ขั้นตอนที่ 2 ล้าง
กรมอนามัยและคู่มือฟื้นฟูบ้านหลังน้ำลดของไทยแนะนำให้เร่งทำความสะอาดทันทีหลังน้ำลด ไม่ควรปล่อยให้โคลนและคราบสกปรกแห้งติดพื้น เพราะจะยิ่งล้างยากขึ้น
แนวทางแนะนำ
- เริ่มจากการล้างโคลนและเศษดิน
- ใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวหรือแปรงแข็งกวาดโคลนออก
- ฉีดล้างด้วยน้ำสะอาด ไล่จากด้านในบ้านออกนอกบ้าน
- ล้างพื้นและผนังด้วยน้ำผสมผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาด
- ขัดพื้น ผนัง บันได และพื้นห้องน้ำ
- เน้นบริเวณร่องยาแนวกระเบื้องที่ดินโคลนฝังแน่น แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
- การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ (เช่น คลอรีน/น้ำยาฟอกขาว)
แนวทางจาก WHO แนะนำให้ใช้การล้างด้วยสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดร่วมกับสารฟอกขาว ในอัตราที่เหมาะสมสำหรับพื้นผิวแข็ง เพื่อลดเชื้อโรคบนผนัง พื้น และเฟอร์นิเจอร์ที่สัมผัสน้ำท่วม- หลีกเลี่ยงการผสมน้ำยาฟอกขาว กับ น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ เพราะอาจเกิดแก๊สพิษ
- ขณะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อควรเปิดประตูหน้าต่าง ระบายอากาศให้ดี
ขั้นตอนที่ 3 กำจัดเชื้อราและลดความชื้นในบ้าน
กรมอนามัยเน้นให้รีบกำจัดเชื้อราหลังน้ำลด โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหลักคือ ทำความสะอาด – กำจัด – ป้องกันไม่ให้กลับมาใหม่ โดยเฉพาะเชื้อราบนผนัง เฟอร์นิเจอร์ และที่นอน
- เปิดบ้านให้โล่ง ระบายอากาศ
- เปิดประตูหน้าต่างให้ลมผ่าน
- หากเป็นไปได้ ใช้พัดลมเป่า/เครื่องลดความชื้น ช่วยลดความชื้นในอากาศ
รายงานด้านคุณภาพอากาศภายในอาคารช่วงน้ำท่วมในมาเลเซียและภาคใต้ของไทยเตือนว่า ความชื้นสูงและน้ำท่วมทำให้เชื้อราขึ้นง่ายมาก หากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยภูมิแพ้ และเด็กเล็กโดยตรง
- ทำความสะอาดเชื้อราบนพื้นผิวแข็ง
- ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ หรือน้ำยาฟอกขาวเจือจางเช็ด/ขัดบริเวณที่มีคราบเชื้อรา
- เช็ดซ้ำด้วยน้ำสะอาดแล้วปล่อยให้แห้ง
- สวมหน้ากาก ถุงมือ และหลีกเลี่ยงการขัดแรงจนเกิดฝุ่นเชื้อราในอากาศมากเกินไป
- เชื้อราบนที่นอนและเฟอร์นิเจอร์บุผ้า
แนวทางกรมอนามัยระบุว่า หากที่นอนหรือฟูกมีร่องรอยเชื้อราจำนวนมาก มีกลิ่นอับชื้น และน้ำท่วมเป็นเวลานาน ควรพิจารณาทิ้ง ไม่แนะนำให้นำกลับมาใช้ต่อ เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพโดยรวม
การบำรุงรักษาบ้าน ก่อนกลับเข้าอยู่
นอกจากการล้างบ้านให้สะอาดแล้ว เจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญกับระบบต่างๆ ภายในบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่บริษัทรับตรวจบ้านสามารถช่วยผ่อนแรงให้กับเจ้าของบ้านที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำความสะอาด โดยระบบที่ควรตรวจก่อนกลับเข้าอยู่มีดังนี้
1 ระบบไฟฟ้า
- ให้ช่างไฟผู้มีใบอนุญาตตรวจสอบตู้เมน สายไฟ เต้ารับ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ไม่ควรทดลองเปิดสวิตช์เองหากยังมีความชื้นในผนังหรือพื้น
- ระบบสายดิน และอุปกรณ์ตัดไฟรั่ว (กันดูด) ควรตรวจสอบการทำงานให้สมบูรณ์
แนวทางจาก WHO และหน่วยงานด้านสาธารณสุขต่างประเทศเตือนว่า “อย่าเปิด/ปิดไฟ หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขณะยืนอยู่ในน้ำ” และให้ให้มืออาชีพตรวจสอบก่อนใช้งานเสมอ
2 ระบบน้ำประปาและคุณภาพน้ำ
- หากใช้ น้ำบาดาลหรือบ่อส่วนตัว และโดนน้ำท่วม ควรพิจารณาตรวจคุณภาพน้ำ หรือต้ม/กรอง/ซื้อบรรจุขวดดื่มจนกว่าจะมั่นใจว่าน้ำปลอดภัย
- WHO แนะนำว่าหากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของน้ำดื่ม ควรต้มอย่างน้อย 1 นาที หรือใช้น้ำดื่มบรรจุขวดที่ปิดสนิทแทน
3 ผนัง พื้น และวัสดุปิดผิว
- ผนังก่ออิฐฉาบปูน
- ตรวจรอยแตกร้าวใหม่ รอยบวม รอยสีลอก
- หากมีความชื้นสะสมด้านใน ควรเปิดผิวปิดหรือเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินบริเวณนั้นเพื่อระบายอากาศ
- พื้นกระเบื้องเซรามิก
- ตรวจร่องยาแนวที่สกปรกหรือหลุดร่อนหลังน้ำท่วมเป็นเวลานาน
- คู่มือจัดการบ้านหลังน้ำลดของหน่วยงานด้านสาธารณภัยแนะนำให้ล้าง ขัด และตรวจเช็กสภาพยาแนว หากเสียหายควรซ่อมแซมใหม่เพื่อลดน้ำซึมและเชื้อราในอนาคต
- พื้นไม้/ลามิเนต
- มักบวม โก่งงอ และอาจต้องรื้อเปลี่ยน
- ควรให้ผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นไม้หรือวิศวกรตรวจสภาพหากมีการโก่งตัวผิดปกติ
4 ระบบสุขาภิบาลและท่อน้ำเสีย
- ตรวจสอบว่าท่อน้ำทิ้ง ท่อส้วม ไม่อุดตันจากตะกอน โคลน หรือเศษวัสดุ
- ถังดักกลิ่นและบ่อพักบางจุดอาจเต็มไปด้วยตะกอน ต้องตักออกและล้างให้สะอาด
- หากมีกลิ่นย้อน หรือระบายน้ำได้ช้า ต้องรีบหาสาเหตุและซ่อมก่อนเข้าอยู่
เช็กลิสต์ ตรวจบ้านหลังน้ำท่วม ก่อนกลับเข้าอยู่
1 รายการตรวจโครงสร้างและสภาพทั่วไป
- เสา คาน ผนังมีรอยแตก/แยก/เอียงผิดปกติหรือไม่
- พื้นทรุดเป็นแอ่ง ดินรอบบ้านถูกน้ำเซาะจนโครงสร้างเสี่ยงหรือไม่
- รอยต่อระหว่างผนังกับเสา/วงกบประตูหน้าต่าง มีรอยแยกหรือรั่วน้ำหรือไม่
2 รายการตรวจความชื้นและเชื้อรา
- ตรวจผนังมุมอับใต้หน้าต่าง หลังตู้ หลังเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน
- ตรวจใต้บันได ห้องเก็บของ ห้องน้ำ และพื้นชั้นล่างที่โดนน้ำขังนาน
- ถ้ามีคราบดำ เขียว หรือผนังลอกเป็นวง ควรถือเป็น “จุดเสี่ยงเชื้อรา” ที่ต้องจัดการ
3 รายการตรวจระบบไฟฟ้าและเครื่องใช้
- ตรวจตู้เมน เซอร์กิตเบรกเกอร์ เบรกเกอร์ย่อย และอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด
- ตรวจเต้ารับ สวิตช์ไฟ โดยเฉพาะชั้นล่างที่โดนน้ำ
- เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ปั๊มน้ำ แอร์ ที่น้ำท่วมถึง ควรให้ช่างตรวจเช็กก่อนใช้งานเสมอ
4 รายการตรวจคุณภาพอากาศและการระบายอากาศ
- เปิดบ้านระบายอากาศให้ได้มากที่สุด
- ตรวจกลิ่นอับ กลิ่นเชื้อรา
- หากบ้านปิดทึบหรือมีพื้นที่เสี่ยงเชื้อราเยอะ ควรพิจารณาใช้บริการผู้เชี่ยวชาญด้านกำจัดเชื้อรา หรือใช้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับการกรองสปอร์เชื้อราเป็นการเสริม

ทำไมควรใช้ บริษัทรับตรวจบ้าน ช่วยตรวจบ้านหลังน้ำท่วม?
แม้เจ้าของบ้านจะพอทำความสะอาดและสังเกตเบื้องต้นได้เอง แต่ประเด็นที่มักมองไม่เห็น หรือไม่ทันได้คิด คือ รายละเอียดเชิงเทคนิค ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยระยะยาว
- การประเมินโครงสร้างเชิงลึก
- ตรวจหารอยร้าวที่ส่งผลต่อโครงสร้าง ไม่ใช่แค่รอยร้าวผิวปูน
- ประเมินผลกระทบจากการทรุดตัวหลังน้ำท่วม
- การใช้เครื่องมือวัดความชื้นและอุปกรณ์เฉพาะทาง
- ใช้เครื่องวัดความชื้นในผนัง พื้น และเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน
- ตรวจหาพื้นที่เสี่ยงเชื้อราในจุดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
- การตรวจระบบไฟฟ้าและระบบสุขาภิบาลอย่างเป็นระบบ
- ตรวจว่าระบบสายดิน และอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วทำงานปกติ
- ประเมินจุดเสี่ยงน้ำรั่ว น้ำย้อน กลิ่นย้อน ในห้องน้ำและครัว
- ให้คำแนะนำแผนฟื้นฟูบ้านและลำดับความสำคัญของการซ่อม
- ช่วยแยกว่าอะไรต้องซ่อมด่วนเพื่อความปลอดภัย กับ อะไรซ่อมได้ภายหลังเมื่อมีงบ
- ทำรายงานตรวจบ้านหลังน้ำท่วมให้เจ้าของบ้านใช้ยื่นต่อบริษัทประกันหรือใช้ประกอบการวางแผนซ่อมแซม
สรุป
หลังน้ำท่วมในภาคใต้ สิ่งที่เจ้าของบ้านต้องเผชิญไม่ใช่แค่คราบโคลนและความยุ่งยากในการทำความสะอาด แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงเรื่องเชื้อโรค เชื้อรา ระบบไฟฟ้า และโครงสร้างที่อาจเสียหายโดยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แนวทางจาก WHO กรมอนามัย และหน่วยงานด้านสาธารณสุขต่าง ๆ ล้วนย้ำให้ ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี สวมอุปกรณ์ป้องกัน และตรวจสอบระบบต่าง ๆ ก่อนเข้าอยู่ทุกครั้ง
ทำไมต้องเลือก S Inspector?
- เรามีทีม วิศวกรตรวจบ้าน และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ผ่านการ ตรวจบ้าน ตรวจคอนโด มามากกว่า 6,000 ยูนิต
- มีเครื่องมือตรวจสอบที่ทันสมัย
- รายงานผลการ ตรวจบ้าน ที่ละเอียด ชัดเจน
- บริการหลังการขาย มีการเข้าไปตรวจซ้ำรอบที่ 2 ว่ามีการแก้ไขข้อบกพร่องเรียบร้อยดีหรือไม่