เลือกขนาดสายไฟยังไงไม่ให้ไฟช็อต !

การเลือกขนาดสายไฟให้เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญมากในการติดตั้งระบบไฟฟ้า เพราะหากเลือกขนาดไม่ถูกต้อง อาจเกิดปัญหาตามมาได้มากมาย เช่น สายไฟร้อนเกินไป เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือแย่ที่สุดอาจเกิดไฟไหม้ได้ ดังนั้น ก่อนจะลงมือเดินสายไฟเอง หรือจ้างช่างมาติดตั้ง ควรทำความเข้าใจหลักการเลือกขนาดสายไฟให้ดีเสียก่อน
สารบัญบทความ
ทำไมต้องเลือกขนาดสายไฟให้ถูกต้อง ?
ขนาดของสายไฟมีความสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน หากใช้สายไฟเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับกระแสไฟฟ้าที่ใช้งาน สายไฟจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนอาจละลายและเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ ในทางกลับกัน หากใช้สายไฟใหญ่เกินไป ก็เป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกขนาดสายไฟ
- กำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ : อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชนิดต้องการกำลังไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ยิ่งกำลังไฟฟ้าสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้สายไฟที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น
- ระยะทางในการเดินสาย : ยิ่งระยะทางในการเดินสายยาวขึ้น การสูญเสียแรงดันไฟฟ้าก็จะมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องเลือกใช้สายไฟที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสีย
- ชนิดของสายไฟ : สายไฟแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการทนความร้อนและกระแสไฟฟ้าแตกต่างกัน เช่น สาย THW เหมาะสำหรับการเดินสายในที่อุณหภูมิสูง
- วิธีการเดินสาย : การเดินสายแบบฝังหรือแบบผิว จะมีผลต่อการเลือกขนาดสายไฟ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการเดินสายแตกต่างกัน
ขั้นตอนการเลือกขนาดสายไฟ
- คำนวณกระแสไฟฟ้า : หากทราบกำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ สามารถคำนวณหาค่ากระแสไฟฟ้าได้จากสูตร
I = P/V โดยที่ I คือ กระแสไฟฟ้า (แอมแปร์), P คือ กำลังไฟฟ้า (วัตต์), และ V คือ แรงดันไฟฟ้า (โวลต์)
- เลือกขนาดสายไฟ : หลังจากได้ค่ากระแสไฟฟ้าแล้ว ให้เปรียบเทียบกับตารางขนาดสายไฟ ซึ่งจะระบุขนาดสายไฟที่เหมาะสมกับค่ากระแสไฟฟ้าแต่ละค่า
- พิจารณาปัจจัยอื่นๆ : นอกจากค่ากระแสไฟฟ้าแล้ว ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ระยะทางในการเดินสาย ชนิดของสายไฟ และวิธีการเดินสาย เพื่อเลือกขนาดสายไฟที่เหมาะสมที่สุด

ตัวอย่างการเลือกขนาดสายไฟ
สมมติว่าต้องการเดินสายไฟเพื่อจ่ายไฟให้กับปลั๊กไฟ 1 ชุด ซึ่งมีอุปกรณ์ไฟฟ้าต่ออยู่หลายตัว โดยมีกำลังไฟฟ้ารวมทั้งหมด 2,000 วัตต์ และระยะทางในการเดินสาย 20 เมตร
คำนวณกระแสไฟฟ้า: I = 2000/220 ≈ 9.1 แอมแปร์
เลือกขนาดสายไฟ: จากตารางขนาดสายไฟ หากใช้สายไฟชนิด THW และเดินสายแบบฝังในผนัง ควรเลือกใช้สายไฟขนาด 2.5 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งสามารถรับกระแสไฟฟ้าได้ 18 แอมแปร์
ข้อควรระวัง
- อย่าเลือกใช้สายไฟที่มีขนาดเล็กเกินไป : อาจทำให้สายไฟร้อนเกินไป เกิดไฟฟ้าลัดวงจร และอาจเกิดอัคคีภัยได้
- อย่าเลือกใช้สายไฟที่มีขนาดใหญ่เกินไป : จะเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
- ควรปรึกษาช่างไฟฟ้า : หากไม่มั่นใจในการเลือกขนาดสายไฟ ควรปรึกษาช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญ
ข้อดีของการใช้บริการบริษัทรับตรวจบ้าน
- ความรู้และประสบการณ์ : มีความรู้และประสบการณ์ในการตรวจสอบบ้านอย่างละเอียด
- เครื่องมือที่ทันสมัย : การใช้เครื่องมือเฉพาะทางช่วยให้ตรวจสอบได้อย่างแม่นยำ
- รายงานผลที่ชัดเจน : คุณจะได้รับรายงานผลการตรวจสอบที่ละเอียดและเข้าใจง่าย
- การให้คำแนะนำ : ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาและดูแลรักษาบ้าน

ทำไมต้องใช้บริการบริษัทรับตรวจบ้าน ?
- ความเชี่ยวชาญ : ช่างผู้เชี่ยวชาญมีเครื่องมือและความรู้ในการตรวจสอบระบบระบายน้ำอย่างละเอียด
- การตรวจสอบที่ครอบคลุม : ตรวจสอบทุกส่วนของระบบระบายน้ำ ไม่พลาดแม้แต่จุดเล็กๆ
- การวิเคราะห์ปัญหา : สามารถระบุสาเหตุของปัญหาได้อย่างแม่นยำ
- การแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด : ให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาและบำรุงรักษาระบบระบายน้ำ
สรุป
การเลือกขนาดสายไฟให้เหมาะสมเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับงานของคุณ
ทำไมต้องเลือก S Inspector?
- เรามีทีม วิศวกรตรวจบ้าน และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ผ่านการ ตรวจบ้าน ตรวจคอนโด มามากกว่า 5,000 ยูนิต
- มีเครื่องมือตรวจสอบที่ทันสมัย
- รายงานผลการ ตรวจสอบบ้าน ที่ละเอียด ชัดเจน
- บริการหลังการขาย มีการเข้าไปตรวจซ้ำรอบที่ 2 ว่ามีการแก้ไขข้อบกพร่องเรียบร้อยดีหรือไม่
เลือก S Inspector รับตรวจบ้านก่อนโอน มั่นใจ จบทุกปัญหา มั่นใจว่าบ้านที่คุณกำลังซื้อนั้นอยู่ในสภาพดี พร้อมเข้าอยู่